ประโยชน์ของแตงโม สุดยอดผลไม้สีแดง ที่มีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย
แตงโมเป็นผลไม้ที่มีวิตามินและแร่ธาตุอยู่ภายในมากมาย ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล เส้นใย โปรตีน วิตามินเอ วิตามินบีรวม วิตามินซี กรดโฟลิก แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และ สังกะสี โดยจัดเป็นพืชผลไม้ตระกูลเดียวกันกับ แคนตาลูป ฟักทอง และแตงกวา เนื้อของแตงโมมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักทำให้มีคุณสมบัติเย็น เมื่อทานแล้วให้ความรู้สึกหวานชื่นใจ ช่วยคลายร้อน จึงมักนิยมกินแตงโมกันในช่วงเวลาอากาศร้อน
แตงโมมีสารชนิดหนึ่งคือสาร ซิทรูไลน์ (Citrulline)
ซิทรูไลน์ (Citrulline) สารนี้มีประโยชน์สามารถช่วยขยายหลอดเลือดแดงภายในร่างกายได้ สารนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างมากต่อคนเป็นโรคอ้วนและโรคเบาหวาน เพราะมีแคลลอรี่ต่ำมาก สามารถพบสารนี้ได้มากที่เปลือกของแตงโม ดังนั้นการกินแตงโมให้ได้ประโยชน์มากที่สุด จึงควรทานเนื้อแตงโมกับเปลือกขาวๆ ด้วยเล็กน้อย แต่ก่อนทานต้องไม่ลืมล้างเปลือกให้สะอาดเสียก่อน เพื่อป้องกันสารพิษตกค้างที่บริเวณเปลือก เนื่องจากแตงโมเป็นพืชที่ถูกรบกวนได้ง่ายจากแมลงต่างๆ ชาวสวนจึงนิยมฉีดยาฆ่าแมลงอยู่เป็นประจำ ข้อนี้ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง !!
แตงโมเป็นผลไม้ที่มีแคลลอรี่ต่ำ
แตงโม จึงเป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน และควบคุมน้ำหนักอย่างมาก ทั้งยังสามารถป้องกันและลดการสะสมของไขมันที่จับอยู่ภายในหลอดเลือดได้ ในแตงโมยังมี ไลโคปีน (Lycopene) ที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในส่วนต่างๆ ของร่างกายรวมไปถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ นอกจากนี้แตงโมยังช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ช่วยบำรุงสายตา และสามารถใช้ล้างพิษจากอาหารที่ทานเข้าไปก่อนหน้าได้ด้วย ทั้งยังช่วยลดอาการเป็นไข้ คอแห้ง และรักษาแผลในปาก

แตงโมช่วยบำรุงผิวกายได้
นอกจากเอาแตงโมมาทานเพื่อให้ประโยชน์แก่ร่างกายแล้ว แตงโมยังนำไปใช้ในการบำรุงผิวกายได้ ด้วยการเอาแตงโมมาพอกหน้า หรือใช้ทำทรีทเม้นท์เพื่อบำรุงผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน การพอกหน้าด้วยแตงโมยังช่วยดูดซับความมันบนใบหน้า และลดอาการแสบแดงที่เกิดจากผิวไหม้แดดได้อีกด้วย ส่วนวิธีการทำแตงโมพอกหน้าสามารถทำได้ง่ายๆโดย นำเนื้อแตงโมมาฝานให้เป็นแผ่นบางๆ แล้วนำเอาไปวางในผ้าขาวบาง จากนั้นจึงนำมาวางปิดลงบนใบหน้าให้ทั่ว แล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นจึงล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด
เสริมสร้างสมรรถภาพการเคลื่อนไหวร่างกาย
แตงโมมีสารแอลซิทรูลีนที่ร่างกายเปลี่ยนเป็นแอลอาร์จินีนและกรดไนตริก ซึ่งช่วยในการทำงานของหลอดเลือดตามที่กล่าวไปข้างต้น นอกจากผู้คนเชื่อว่าแตงโมมีส่วนช่วยในการไหลเวียนโลหิตของร่างกายแล้ว สารอาหารดังกล่าวอาจส่งผลต่อสมรรถภาพการเคลื่อนไหวร่างกาย งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้แสดงให้เห็นว่าการรับประทานแตงโมจะช่วยให้ออกแรงออกกำลังกายได้สม่ำเสมอ รวมทั้งลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย โดยผู้เข้าร่วมการทดลองเพศชายสุขภาพดีจำนวน 19 ราย ต้องดื่มน้ำแตงโมผสมน้ำทับทิมที่มีสารแทนินอันช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ เพื่อพิสูจน์ว่าสารอาหารทั้งหมดนี้จะเสริมสร้างสมรรถภาพของร่างกายหลังออกกำลังกายแบบ High-Intensity ได้จริงหรือไม่ พบว่าผู้เข้าร่วมการทดลองมีระดับกล้ามเนื้อถูกทำลายคงที่ อีกทั้งยังมีแรงออกกำลังกายได้สม่ำเสมอและบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังออกกำลังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

กินแตงโมอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ประโยชน์
แตงโมนับเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารหลายอย่าง โดยแตงโมในปริมาณ 280 กรัม จะให้วิตามินเอร้อยละ 31 ซึ่งเท่ากับปริมาณวิตามินเอที่ควรได้รับต่อวัน และให้วิตามินซีร้อยละ 37 อีกทั้งยังมีไฟเบอร์และปริมาณน้ำในเนื้อแตงโมมากถึงร้อยละ 90 ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่าง ๆ ที่ดีต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่รับประทานแตงโมอาจมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเร็ว เนื่องจากแตงโมมีดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index: GI) ประมาณ 72 และมีปริมาณน้ำตาลร้อยละ 2 ต่อน้ำหนัก 100 กรัม จึงควรเลือกรับประทานแตงโมควบคู่กับอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป โดยเฉพาะผู้ป่วย
โรคเบาหวาน ควรเลือกบริโภคแตงโมที่สดและไม่ผ่านการแปรรูปหรือเติมสารให้ความหวาน รับประทานผลไม้อบแห้งและน้ำผลไม้ปริมาณน้อย หรือเลือกรับประทานผลไม้อื่นที่มีดัชนีน้ำตาลและปริมาณน้ำตาลต่ำอย่างเหมาะสม เช่น พลัม 2 ผล องุ่นขนาดกลาง พีชขนาดใหญ่ 1 ผล หรือลูกแพร์ 1 ผลเล็ก
ผู้ป่วยบางโรคไม่ควรทานแตงโม
แตงโมเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณมากมาย แต่ก็ผู้ป่วยบางประเภทที่ไม่ควรทานแตงโม อันได้แก่ ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ ม้ามไม่แข็งแรง เป็นโรคกระเพาะลำไส้อักเสบ ผู้หญิงหลังคลอด คนที่เพิ่งหายจากอาการป่วยหนักๆ ผู้มีอาการท้องเสียท้องร่วง ผู้มีปัญหาปัสสาวะบ่อยและมาก เป็นต้น
ข้อมูลวิดีโอ จากเว็บไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=7z9Xuusf7kI
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น